นายชัชนภ
นักสอน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกอกน้อย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเมื่อรุ่งเช้าเวลาประมาณ 01.00 น. ได้รับแจ้งจากหลานสาวที่มิได้อาศัยอยู่ด้วยกันของผู้ป่วยติดเชื้อที่เป็นเจ้าของร้านทองแห่งหนึ่งย่านบางกอกน้อย
ให้เข้าไปช่วยชีวิตพี่ชายในร้านทองแห่งหนึ่ง ซึ่งติดเชื้อโควิด มีอาการทรุดลงหนักจนล้มกองอยู่บนพื้นไม่สามารถลุกได้
ทีมงานพร้อมทีมออกซิเจนจากเพจ #ลมหายใจฉุกเฉิน
และทีมงาน #เราต้องรอด ขับรถกะบะไปยังร้านทองย่านบางกอกน้อย
เมื่อไปถึงหลังร้านพบชายเจ้าของร้านวัย 51 ปี อยู่ในสภาพนอนทรุดลงอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกจากพื้น
ทีมงานใส่ชุดป้องกันตนเองเข้าไปประคองผู้ติดเชื้อ ตรวจวัดค่าออกซิเจนพบว่าตกลงอยู่ราว
80 มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ
ร่างกายอ่อนแรงมาก จึงรีบใส่ออกซิเจนประคองผู้ติดเชื้อระยะหนึ่งจนค่าออกซิเจนดีขึ้น
พร้อมประสานงานไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งของภาครัฐและเอกชนในละแวกดังกล่าว
แต่ไม่มีโรงพยาบาลแห่งไหนรับได้ จึงตัดสินใจพาผู้ติดเชื้อขึ้นท้ายรถกะบะทีมงาน พาไปแผนกฉุกเฉิน
โรงพยาบาลศิริราชทันที
.
นายชัชนภ กล่าวต่อว่า
ระหว่างทางทั้งขาไปรับผู้ติดเชื้อและขาไปส่งผู้ติดเชื้อไปโรงพยาบาล ติดด่านตรวจของตำรวจ
ทีมงานได้อธิบายขอความอนุเคราะห์ด่านตรวจว่ามีผู้ติดเชื้อภาวะวิกฤตต้องพาไปโรงพยาบาล
ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกด่านตรวจที่ให้ความเมตตาพร้อมอำนวยความสะดวกให้ทีมงานจนไปถึงโรงพยาบาลศิริราช
เมื่อไปถึง โรงพยาบาลก็ให้ความเมตตารับผู้ติดเชื้อเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจเบื้องต้นวัดค่าออกซิเจนต่ำกว่า
70 ซึ่งขณะนี้แพทย์ก็ใช้เครื่องช่วยหายใจและยาคลายเหนื่อยประคองอาการอยู่
.
“ขอขอบคุณตำรวจทุกด่านที่เมตตาให้รถกะบะพาผู้ติดเชื้อไปส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา
แต่ประเด็นเหล่าอาสาเอกชน หรือชาวบ้านที่เขาไปช่วยผู้ติดเชื้อในเวลากลางคืนกังวลใจฝากบอกมาคือ
เขาเองก็ไม่ทราบว่าการไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินในยามดึกขณะนี้
สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายหรือไม่ หรือเขาอาจพลั้งเผลอไปกระทำอะไรที่อาจละเมิดกฎหมายที่เขาเองก็ไม่รู้
เขาก็รู้สึกกังวลใจมาก แต่ถ้าภาครัฐจะขยายความรายละเอียดประเด็นนี้และประกาศให้ชัดเจน
เพื่อรับรองกลุ่มอาสาเอกชนเหล่านี้สามารถออกพื้นที่ได้ในเวลาเคอร์ฟิวร์
เขาก็จะได้สบายใจ
และจะเป็นการช่วยผ่อนเบาภาระของหมอพยาบาลและช่วยประชาชนได้ในเวลาเดียวกัน” นายชัชนภ กล่าว///
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น