นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกะปิ เปิดเผยว่าวิกฤตเตียงรักษาผู้ป่วยขาดแคลนสำหรับโรคโควิด-19 เริ่มระบาดหนักขึ้น โดยพบว่าผู้ป่วยโควิดต้องย้ายออกจากโรงพยาบาลเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยใหม่เข้ารักษา ทั้งที่ผู้ป่วยยังไม่หายดีจนชาวบ้านต้องลงขันเช่าเครื่องช่วยหายใจมาใช้ยื้อชีวิตในแฟลต ทั้งนี้จากการลงพื้นที่แฟลตการเคหะคลองจั่น ตึก 6 พบคุณพ่อและลูกชาย โดยคุณพ่อมีอาชีพขับแท็กซี่ คาดว่าติดเชื้อโควิดมาจากผู้โดยสาร และมาแพร่เชื้อให้กับลูกชาย โดยคุณพ่อเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตน์ มีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและเชื้อโควิดลงปอด จนเกือบต้องรักษาในห้องผู้ป่วยวิกฤต จากการเอกเรย์พบเชื้อลงปอดจนเสียหาย ใช้เวลารักษาประมาณ 1 เดือน คุณหมอก็ขอร้องให้ผู้ป่วยเสียสละเตียงและกลับบ้านเพราะโรงพยาบาลมีปัญหาเรื่องเตียงขาดแคลน เพราะจำนวนผู้ป่วยมีมากกว่าจำนวนเตียงที่รับได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะอัตราออกซิเจนการหายใจของคุณพ่อต่ำกว่าปกติ แต่เนื่องจากไม่มีเงินซื้อเครื่องช่วยหายใจ ชาวบ้านจึงช่วยกันลงขันช่วย ส่วนลูกชายซึ่งติดเชื้อโควิดและมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก ยาที่รับประทานรักษาโรคโควิดส่งผลต่ออาการโรคลมชักโดยตรงและสุขภาพลูกชายยังไม่แข็งแรง ทั้งนี้ในบ้านอยู่กันแค่ 2 คนจึงทำให้อยู่ดูแลกันด้วยความยากลำบาก ชาวบ้านบอกว่าลูกชายเป็นเด็กนิสัยดี ตั้งใจเรียน เก่งภาษาญี่ปุ่น กำลังจะได้รับปริญญา ลูกชายได้แต่ภาวนาขอให้คุณพ่อหายป่วยเพื่อจะได้อยู่ถ่ายรูปคู่กับชุดครุยรับปริญญาของลูกชายสักครั้ง
“วิกฤตผู้ป่วยขาดเตียงเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมีอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่มหลักพันต่อวัน สะท้อนถึงการบริหารจัดการล้มเหลวจนผู้ป่วยล้น วัคซีนก็ไม่มาตามนัด ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสรักษา แพทย์พยาบาลอ่อนล้าหนักมาก เคสหมอขอคนไข้เสียสละเตียงไม่ใช่ความผิดหมอหรือโรงพยาบาล แต่เป็นเพราะระบบจัดการมีปัญหา ถ้าเรายังยับยั้งการระบาดไม่ได้ อีกไม่กี่สัปดาห์เราจะเห็นเตียงผู้ป่วยรอล้นออกมานอกโรงพยาบาลเหมือนอินเดียซึ่งเป็นภาพที่ไม่อยากให้เกิด จึงฝากให้ภาครัฐรีบแก้ไขโดยด่วน” นายพงศกร กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น